วันจันทร์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ปลาการ์ตูน

      ปลาการ์ตูนเป็นปลาที่ถูกจัดอยู่ในครอบครัวปลาสลิดหิน (damselfishes, family pomacentridae) (สุภาพร, 2543) ปัจจุบันปลาการ์ตูนทั่วโลกที่สำรวจพบ และได้รับการจำแนกแล้วมี 28 ชนิด เป็นสกุล (genus) Amphiprion จำนวน 27 ชนิด และ สกุล Premnas อีก 1 ชนิด คือ spinecheek anemonefish, Premnas biaculeatus ซึ่งลักษณะที่ใช้แยกปลาสกุลนี้ออกมาคือ มีหนามขนาดใหญ่ (enlarged spine) บริเวณใต้ตา (Allen, 1997)อุ่นจิต(2537) กล่าวว่า ปลาการ์ตูนที่พบในน่านน้ำไทยมี 7 ชนิด แบ่งเป็นฝั่งอันดามัน 5 ชนิด ได้แก่ ปลาการ์ตูนส้มขาว ปลาการ์ตูนอินเดียน ปลาการ์ตูนลายปล้อง ปลาการ์ตูนลายปล้องหางเหลือง และปลาการ์ตูนแดงดำ ส่วนปลาการ์ตูนที่พบในอ่าวไทยมี 2 ชนิด คือ ปลาการ์ตูนหลังอาน และปลาการ์ตูนอินเดียนแดง แต่ ธรณ์(2544) กล่าวว่า ปลาการ์ตูนลายปล้องสามารถพบได้ทั้งฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน นอกจากนั้นยังพบปลาการ์ตูนส้มขาว และ ปลาการ์ตูนอินเดียนที่เกาะโลซิน จังหวัดนราธิวาส (อ่าวไทย) อีกด้วย

       ปลาการ์ตูนพบได้เฉพาะในเขตมหาสมุทรอินเดีย และมหาสมุทรแปซิฟิกบางส่วน ในธรรมชาติปลาการ์ตูนจะอยู่ไม่ได้ถ้าปราศจากดอกไม้ทะเล ดังนั้นเราจะพบปลาการ์ตูนได้ก็ต่อเมื่อได้พบดอกไม้ทะเลเท่านั้น แม้ว่าดอกไม้ทะเลจะมีเข็มพิษแต่กลับไม่ทำอันตรายต่อปลาการ์ตูน ทำให้ปลาการ์ตูนอาศัยอยู่อย่างปลอดภัยในดอกไม้ทะเล จากการสำรวจพบว่า ปลาการ์ตูนแต่ละชนิดจะจำเพาะเจาะจงต่อชนิดของดอกไม้ทะเลที่จะอาศัยอยู่ด้วย แต่ก็มีปลาการ์ตูนอีกหลายชนิดที่สามารถอาศัยอยู่กับดอกได้ทะเลได้หลายชนิด

       ปลาการ์ตูนแต่ละชนิดจะมีรูปแบบสีที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งปกติจะประกอบไปด้วยสีส้ม แดง ดำ เหลือง และส่วนใหญ่จะมีแถบสีขาวพาดขวางลำตัว 1-3 แถบ ซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์ของปลาการ์ตูนก็ว่าได้ อย่างไรก็ตามแม้จะเป็นปลาการ์ตูนชนิดเดียวกันแต่ก็จะมีส่วนที่มีสีแตกต่าง กันอยู่เสมอ ซึ่งน่าจะเป็นส่วนที่ทำให้ปลาการ์ตูนจำคู่ของมันได้ นอกจากนั้นปลาที่อาศัยต่างสถานที่กันอาจมีสีที่แตกต่างกันได้เรียกว่าความ ผันแปรของสี (colour variation)โดยปกติปลาการ์ตูนจะอยู่กันเป็นคู่ ๆ และอาจมีปลาขนาดเล็กอาศัยร่วมอยู่ด้วย แต่ในดอกไม้ทะเลดอกหนึ่ง จะมีปลาตัวผู้และตัวเมียอย่างละตัวเท่านั้น ปลาตัวเมียจะมีขนาดโตกว่าตัวผู้และตัวอื่น ๆ อย่างเห็นได้ชัด และทำหน้าที่เป็นผู้นำ คอยปกป้องอาณาเขตที่เป็นที่อาศัยของมัน ถ้าปลาตัวเมียตายไป จะมีปลาตัวใหม่เจริญเติบโตขึ้นมาอย่างรวดเร็วและกลายเป็นตัวเมียแทน หรือหมายความว่า ปลาการ์ตูนสามารถเปลี่ยนเพศจากเพศผู้เป็นเพศเมียได้ Allen(1997) กล่าวว่า ปลาการ์ตูนจะวางไข่ครั้งละหลายร้อยฟองบริเวณฐานของดอกไม้ทะเล ซึ่งมีหนวดของดอกไม้ทะเลปกคลุม ทำให้ไข่มีความปลอดภัย พ่อปลาจะคอยดูแลไข่ หลังจากนั้น 6-7 วัน ไข่จะฟักเป็นตัวและล่องลอยไปตามน้ำ ใช้ระยะเวลา 1-2 สัปดาห์ จากนั้นปลาต้องหาดอกไม้ทะเลเพื่อเป็นที่อยู่ ไม่อย่างนั้นปลาจะตายเนื่องจากอดอาหาร หรือถูกกิน

ปลาการ์ตูนส้มขาว clown anemonefish, A. ocellaris (Cuvier, 1830)
       ลำตัวมีสีส้มเข้ม มีแถบสีขาว 3 แถบ พาดบริเวณส่วนหัว ลำตัวและบริเวณหาง ขอบของแถบสีขาวเป็นสีดำ ขอบนอกของครีบเป็นสีขาวและขอบในเป็นสีดำ อาศัยในที่ลึก ตั้งแต่ 1-15 เมตร ขนาดตัวโตที่สุดประมาณ 10 เซนติเมตร อาศัยอยู่กับดอกไม้ทะเลชนิด Heteractis magnifica และ Stichodactyla gigantea เป็นต้น ปลาการ์ตูนส้มขาวพบได้บ่อยที่สุดในทะเลอันดามัน อ่าวไทยพบได้ที่เกาะโลซิน จังหวัดนราธิวาส อาศัยอยู่เป็นครอบครัวใหญ่ ในดอกไม้แต่ละกออาจพบปลาการ์ตูนชนิดนี้อยู่ด้วยกัน 6-8 ตัว

ปลาการ์ตูนลายปล้อง clark's anemonefish, A. clarkii (Bennett, 1830)
       ลำตัวมีสีดำเข้ม ส่วนหน้าครีบอกและหางมีสีเหลืองทอง มีแถบขาว 3 แถบ ตรงส่วนหัว ลำตัว และโคนหาง ปลาชนิดนี้มีความผันแปรของสีสูง มีไม่ต่ำกว่า 8 รูปแบบ (ธรณ์, 2544) สีของลูกปลาวัยรุ่นก็ต่างจากปลาเต็มวัย พบทั้งอ่าวไทยและทะเลอันดามัน จัดเป็นปลาการ์ตูนใหญ่ที่สุดของเมืองไทย ขนาดโตที่สุดประมาณ 15 ซ.ม. อาศัยอยู่ร่วมกับดอกไม้ทะเลได้หลายชนิด บางครั้งเป็นชนิดที่พบตามพื้นทราย ปลาการ์ตูนลายปล้องมีการแพร่กระจายกว้างมาก อาจอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม 3-4 ตัว โดยมีตัวเมีย ซึ่งมีขนาดโตที่สุด เป็นจ่าฝูง ตัวที่มีขนาดรองลงมาจะเป็นตัวผู้ ถ้าตัวเมียตายไปตัวผู้ก็จะรีบโตและเปลี่ยนเพศขึ้นมาทำหน้าที่แทน

ปลาการ์ตูนลายปล้องหางเหลือง sebae anemonefish, A. sebae (Bleeker, 1853)
       ลำตัวมีสีดำ ส่วนหางมีสีเหลือง มีแถบขาว 2 แถบ แถบแรกพาดอยู่บริเวณหลังตา อีกแถบพาดผ่านท้องขึ้นมายังครีบหลัง เป็นชนิดที่หายาก พบเฉพาะฝั่งอันดามันในที่ลึกตั้งแต่ 2-25 เมตร ขนาดโตที่สุดประมาณ 14 เซนติเมตร อยู่กับดอกไม้ทะเลชนิดที่ฝังทรายได้แก่ Stichodactyla haddoni มีสีน้ำตาลหนวดสั้น มักอยู่กันเป็นคู่กับลูกเล็ก ๆ 3-4 ตัว มีนิสัยดุร้ายกับปลาอื่นที่ไม่ใช่สมาชิกในครอบครัว

ปลาการ์ตูนหลังอาน saddleback anemonefish, A. polymnus (Linnaeus, 1758)
       ลำตัวมีสีน้ำตาลอมดำ มีแถบขาว 2 แถบ แถบแรกอยู่หลังตา อีกแถบเริ่มบริเวณกลางลำตัวเป็นแถบโค้งพาดเฉียงขึ้นไปที่ครีบหลัง ลักษณะคล้ายอานม้า พบในที่ลึก ตั้งแต่ 2-30 เมตร ขนาดโตที่สุดประมาณ 12 เซนติเมตร อยู่กับดอกไม้ทะเลชนิดที่ฝังตัวอยู่ตามพื้นทราย คือ Heteractis crispa และ Stichodactyla haddoni พบเฉพาะในอ่าวไทย



ปลาการ์ตูนอินเดียน yellow skunk anemonefish, A. akallopisos (Bleeker, 1853)
       ลำตัวมีสีเนื้ออมเหลืองทองอมชมพู มีแถบขาวเล็ก ๆ พาดผ่านบริเวณหลังตั้งแต่ปลายจมูกจนจรดครีบหาง อาศัยในที่ลึกตั้งแต่ 3 - 25 เมตร ขนาดโตที่สุดประมาณ 10-11 เซนติเมตร อาศัยอยู่กับดอกไม้ทะเลชนิด Heteractis magnifica และ Stichodactyla mertensii อยู่รวมกันเป็นครอบครัวใหญ่คล้ายปลาการ์ตูนส้มขาว พบได้บ่อยทางฝั่งอันดามัน ส่วนอ่าวไทยพบที่เกาะโลซิน

การเพาะพันธุ์และอนุบาล
       1.การจัดการพ่อแม่พันธุ์
       1.1 การรวบรวมพ่อแม่พันธุ์
             รวบรวมพ่อแม่พันธุ์จากธรรมชาติ พยายามรวบรวมให้ได้พ่อแม่พันธุ์ที่จับคู่กันอยู่แล้วจะช่วยให้พ่อแม่พันธุ์ วางไข่ได้เร็วขึ้น แต่ถ้าไม่สามารถหาพ่อแม่พันธุ์เป็นคู่ ๆ จากธรรมชาติได้ การจับคู่ให้ปลาการ์ตูนก็สามารถที่จะทำได้ เพศเมียจะมีขนาดใหญ่และอาจมีท้องที่อูมเป่ง ส่วนตัวผู้เลือกตัวที่มีขนาดเล็กและท้องเรียบ หลังการจับคู่ให้ปลาแล้วต้องคอยสังเกตว่าปลาจะยอมรับกันหรือไม่ ถ้าปลาไม่ยอมรับจะพบว่าปลาตัวเมียจะไล่กัดตัวผู้ บางครั้งตัวผู้อาจตายได้เนื่องจากโดนกัดหรือกระโดดหนีออกนอกตู้

       1.2 การเลี้ยงพ่อแม่พันธุ์
            1.2.1 การจัดตู้                    ใช้ตู้กระจกขนาด 45x90x45 เซนติเมตร ใช้ระบบกรองน้ำแบบกรองทรายภายในตู้ โดยใส่แผงกรองรองรับพื้นตู้ใช้กรวด ซากปะการัง หรือ เศษเปลือกหอยเป็นวัสดุกรอง ใส่วัสดุสำหรับให้พ่อแม่ปลาผสมพันธุ์วางไข่ไว้ข้าง ๆ ดอกไม้ทะเล เช่น ก้อนหิน(ไม่จำกัดรูปทรงแต่ให้ผิวเรียบ)หรือเปลือกหอยตะโกรม(ปลาจะวางไข่ด้าน ในของเปลือกหอย) เปลือกหอยมือเสือเป็นอีกวัสดุหนึ่งที่ปลาชอบใช้วางไข่แต่ไม่ควรนำมาใช้ เนื่องจากการมีเปลือกหอยมือเสือในครอบครองเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ควรเลือกใช้หินผิวเรียบ หรือเปลือกหอยนางรมจะดีกว่าเนื่องจากหาได้ง่ายและไม่ผิดกฎหมาย
ดอกไม้ ทะเลเป็นสิ่งสัตว์ป่าคุ้มครองชนิดหนึ่ง บุคคลทั่วไปไม่สามารถมีในครอบครองได้ ดังนั้นจึงเป็นปัญหาหนึ่งของการเพาะพันธุ์ปลาการ์ตูน แต่จากการทดลองเบื้องต้นของสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งจังหวัดกระบี่พบ ว่า พ่อแม่พันธุ์ปลาการ์ตูนส้มขาวที่เลี้ยงในตู้กระจกโดยไม่ใช้ดอกไม้ทะเล ปลาสามารถที่จะวางไข่ในตู้กระจกได้ ส่วนการอนุบาลลูกปลาการ์ตูนและการเลี้ยงปลาการ์ตูนที่ได้จากโรงเพาะฟักพบว่า ไม่จำเป็นต้องใช้ดอกไม้ทะเล

            1.2.2 น้ำและการจัดการ
                     น้ำที่ใช้เลี้ยงพ่อแม่พันธุ์ปลาการ์ตูนของสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่ง จัวหวัดกระบี่เป็นน้ำทะเลที่มีความเค็มประมาณ 30-33 ppt ก่อนนำมาใช้จะทำการฆ่าเชื้อในน้ำด้วยคลอรีน ความเข้มข้น 15-25 ppm และเป่าลมจนคลอรีนสลายหมด ในตู้กระจกจะใส่น้ำประมาณ 150 ลิตร เปลี่ยนถ่ายน้ำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง(ไม่ต้องนำปลาออกจากตู้)ในช่วงบ่าย ครั้งละ 70-80 % พร้อมกับทำความสะอาดตู้(บริเวณด้านข้างของตู้) ควรล้างทรายในตู้เดือนละประมาณ 1 ครั้ง (นำปลาออกจากตู้ก่อน)น้ำที่นำมาใช้นอกจากการฆ่าเชื้อด้วยคลอรีนแล้ว น้ำที่ผ่านระบบกรองทรายก็น่าจะใช้ได้ผลดี สำหรับในแหล่งที่จัดหาน้ำทะเลไม่ได้ การใช้น้ำทะเลเทียมประกอบกับระบบกรองที่มีประสิทธิภาพดีกว่าการกรองทรายก็มี ความเป็นไปได้ ทั้งนี้ผู้เลี้ยงต้องมีความรู้ในการควบคุมสภาพน้ำในระบบปิดเป็นอย่างดี

            1.2.3 อาหารและการให้อาหาร
                     ใช้เนื้อกุ้งสับละเอียดหรืออาร์ทีเมียตัวใหญ่(ตัวเต็มวัย) เป็นอาหารสำหรับเลี้ยงพ่อแม่พันธุ์ ให้อาหารจนอิ่ม วันละ 2 ครั้ง ในเวลา 09.00 น. และ 15.00 น. มีบางรายงานที่เลี้ยงพ่อแม่พันธุ์ด้วยหัวใจวัว หรืออาหารชนิดอื่น ๆ แต่ยังไม่มีการศึกษาเปรียบเทียบผลของอาหารแต่ละชนิดต่อความสมบูรณ์ของปลา แต่จากการใช้เนื้อกุ้งและอาร์ทีเมียในการเลี้ยงพ่อแม่พันธุ์พบว่าปลามี สุขภาพสมบูรณ์ดี ให้ไข่สม่ำเสมอและได้ลูกปลาวัยอ่อนที่แข็งแรงดี นอกจากนั้น เนื้อกุ้งสามารถจัดหาได้ง่าย และสามารถเลือกซื้อกุ้งขนาดเล็กที่มีราคาถูกมาเป็นอาหารพ่อแม่พันธุ์ได้

       2.การวางไข่และการพัฒนาของไข่
          ก่อนที่ปลาจะวางไข่ 2-5 วัน ปลาตัวผู้จะเลือกวัสดุและทำความสะอาด โดยใช้ปากตอด ใช้ครีบอกและครีบหางโบกพัดสิ่งอื่น ๆ ที่ติดอยู่บนผิวหน้าของวัสดุให้หลุดไป เมื่อใกล้วางไข่ ปลาตัวเมียจะมีท้องที่อูมเป่ง ใหญ่กว่าปกติ และมีท่อนำไข่ไผล่ออกมายาวประมาณ 4-5 มิลลิเมตร หลังจากนั้น ปลาจะเริ่มวางไข่ภายใน 1 ชั่วโมง แม่ปลาจะวางไข่ติดกับวัสดุที่เลือกไว้แล้ว โดยวางเป็นชุด ๆ พ่อปลาก็จะปล่อยน้ำเชื้อเข้าผสม เมื่อวางไข่เสร็จพ่อปลาจะเฝ้าดูแลไข่ ด้วยการโบกพัดด้วยครีบ ใช้ปากตอด และเก็บไข่เสียออก แม่ปลาจะเข้ามาช่วยโบกพัดเป็นครั้งคราว ใช้เวลาประมาณ 7-8 วัน ไข่ก็พร้อมที่จะฟักออกเป็นตัว ปลาการ์ตูนสามารถที่จะวางได้ประมาณเดือนละ 2 ครั้ง ครั้งละ 500-1,000 ฟอง ขึ้นกับขนาดและความสมบูรณ์ของพ่อแม่พันธุ์ ในการวางไข่ชุดแรก ๆ พบว่าปลามักจะกินไข่ตัวเองจนหมด เนื่องจากอาการตกใจ แต่เมื่อวางไข่ชุดหลัง ๆ ปลาจะเริ่มเคยชินกับการถูกรบกวนและจะไม่กินไข่ตัวเองอีก

       3.การฟักไข่          หลังจากปลาวางไข่แล้ว 7-8 วัน ไข่พร้อมที่จะฟักเป็นตัว สังเกตได้จากตาของตัวอ่อนในไข่มีสีเงินวาว ในตอนเย็นนำไข่ที่พร้อมจะฟักออกเป็นตัวซึ่งติดอยู่กับก้อนหินหรือเปลือกหอย ไปฟักในถังขนาด 500 ลิตร เติมน้ำทะเลสะอาด 300 ลิตร ในการฟักใช้หลักการเดียวกับ อุ่นจิต(2537) โดยอาศัยแรงลมดันน้ำให้ไหลผ่านไข่ปลาเบา ๆ (รูปที่ 6) ลูกปลาจะฟักออกจากไข่ในเวลากลางคืน จากนั้นจึงนำวัสดุ และอุปกรณ์การฟักออก

       4.การอนุบาล
       4.1 บ่ออนุบาล
            ถังไฟเบอร์กลาสสีน้ำตาล หรือ ถัง PE สีดำ ขนาดความจุ 500 ลิตร ใช้เป็นถังฟักและอนุบาลลูกปลาตั้งแต่แรกเกิดไปจนถึงอายุ 15 วัน หลังจากนั้นจึงย้ายลูกปลาไปอนุบาลต่อในคอกในบ่อดิน(คอกทำด้วยอวนในล่อน ขนาดตาละเอียด หรือเลือกขนาดตาที่เหมาะสมที่ปลาไม่สามารถหนีออกไปได้)การอนุบาลในช่วง 5 วันแรก ควรปิดปากถังด้วยผ้าพรางแสงสีดำ 1 ชั้น เพื่อป้องกันไม่ให้มีการเปลี่ยนแปลงของแสงในบ่ออย่างรวดเร็ว และป้องกันสิ่งสกปรกอื่น ๆ

       4.2 น้ำและการจัดการ
         การอนุบาลในถังควรเปลี่ยนถ่ายน้ำประมาณ 20-30 เปอร์เซ็นต์ วันเว้นวัน พร้อมกับดูดตะกอนก้นถัง การดูดตะกอนจะเริ่มทำเมื่อปลาอายุประมาณ 5-6 วัน หรือเห็นว่าพื้นถังเริ่มสกปรก การถ่ายน้ำและการดูดตะกอนต้องทำอย่างนิ่มนวล เพื่อไม่ให้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างกระทันหันในถังอนุบาล ซึ่งจะทำให้ปลาช็อกได้

       4.3 อาหารและการให้อาหาร
         ปลาอายุ แรกฟัก ถึง 7 วัน ใช้โรติเฟอร์เป็นอาหาร ความหนาแน่น ประมาณ 5-15 ตัว/มล. พร้อมกับเติมคลอเรลลาให้น้ำมีสีเขียวอ่อน ๆ เพื่อเป็นอาหารของโรติเฟอร์ ควรเช็คความหนาแน่นของโรติเฟอร์วันละ 2-3 ครั้ง เริ่มฝึกให้ปลากินอาร์ทีเมียแรกฟัก เมื่อลูกปลาอายุ 5 วัน เมื่อลูกปลากินอาร์ทีเมียได้ดีแล้วจึงหยุดให้โรติเฟอร์ อายุ 15 วัน ย้ายไปอนุบาลในคอก ถ้าไม่มีคอกอาจจะอนุบาลต่อในถังหรือบ่อซีเมนต์ขนาดใหญ่ขึ้นก็สามารถทำได้ โดยให้มีความหนาแน่นลูกปลาประมาณ 0.5-2 ตัว/ลิตร แต่การอนุบาลในคอกจะลดการทำงานในส่วนของการถ่ายน้ำ และมีต้นทุนที่ถูกกว่าหลังจากย้ายลูกปลาลงไปอนุบาลในคอกแล้วยังต้องให้อาร์ ทีเมียตัวเล็กเป็นอาหารอีกประมาณ 5 วัน จึงฝึกให้กินไรแดงแช่แข็งและเนื้อปลาสดบดละเอียด วันละ 2-3 ครั้ง ถ้าสามารถจัดหาอาร์ทีเมียตัวใหญ่เป็นอาหารลูกปลาได้จะช่วยให้ลูกปลาโตเร็ว ขึ้น ใช้เวลาอนุบาลลูกปลาในคอกประมาณ 40-45 วัน จะได้ลูกปลาขนาด 1 นิ้ว สามารถจำหน่ายได้ หรือเลี้ยงให้โตกว่านี้ก็จะได้ราคาที่สูงขึ้น 

ที่มา ศูนย์วิจัยและพัฒนาชายฝั่งระยอง  http://www.fisheries.go.th/cf-rayong/index.php?option=com_content&view=category&id=8&Itemid=32

ปลาผีเสื้อ

แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-12-2011 20:27 โดย MarineK


ปลาผีเสื้อ (Buttrflyfish) (เฉพาะข้อมูลทั้งหมดที่เขียนในบทความนี้เป็นของ www.mornorfishclub.com ผู้เขียน MarineK)

                        ปลาผีเสื้อ (Buttrflyfish) เป็นปลาที่พบได้ทั่วไปในสถานที่ที่อุดมไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ของประการัง และเป็นปลาที่มีความหลากหลายของชนิดอย่างมาก ซึ่งทำให้ปลาชนิดได้รับความนิยมนำมาเลี้ยงเพื่อความสวยงามและมีราคาที่ถูกดึงดูดให้มีไว้ครอบครอง แต่ทว่าการเลี้ยงปลาชนิดนี้จะมีการเลี้ยงที่ค่อนข้างยากซึ่งแล้วแต่ชนิด ส่วนมากจะมีปัญหาเรื่องการกินอาหาร บ้างก็ไม่ยอมกินอาหารสำเร็จรูปจนอดอาหารตาย หรือไม่ก็เกิดโรคต่างๆเข้ามา ทั้งปากเปื่อย และจุดขาว ซึ่งการเลี้ยงปลากลุ่มนี้ไม่เหมาะกับมือใหม่ที่เริ่มเลี้ยง และยังไม่เข้าใจระบบตู้ปลาทะเลอย่างถ่องแท้
            
                         ปลาผีเสื้อจัดเป็นปลาสังคมที่อยู่รวมกันเป็นฝูง บางชนิดก็มีการจับคู่กันแล้วก็อยู่กันเป็นคู่ ดังนั้นส่วนที่สำคัญในการเลี้ยงอย่างแรกๆคือพื้นที่ในการเลี้ยง ซึ่งต้องใช้พื้นที่มากเนื่องจากปลากลุ่มนี้จะมีอาณาเขตที่กว้าง ตู้ที่ใช้เลี้ยงควรไม่น้อยกว่า 36 นิ้ว และต้องมีระบบการกรองน้ำที่ดีและมีแร่ธาตุที่สมบูรณ์ และที่สำคัญคืออาหารของปลากลุ่มนี้คือ โพลิปของปะการัง รวมถึงดอกไม้ทะเล แม้กระทั้งหนอนท่อทะเลก็เป็นอาหารที่ปลากลุ่มนี้โปรดปรานอย่างมาก ดังนั้นผู้ที่คิดจะมีปะการังไว้ในตู้ปลานี้แทบจะเป็นไปได้ยาก ถึงแม้ว่าจะพบเห็นว่ามีคนที่สามารถเลี้ยงในตู้ที่มีปะการังได้แต่เปอร์เซ็นต์ที่ปลากลุ่มนี้จะไม่กินหรือรบกวนปะการังมีน้อยมาก ขอแนะนำว่าอย่างเสี่ยงเลยเพราะคุณจะสูญเสียโดยใช่เหตุ ควรที่จะเลี้ยงเป็นตู้ปลาล้วนมากกว่า แต่อาจใช้ปะการังเทียมมาใช้ประดับตกแต่ตู้แทนได้แต่มีราคาค่อนข้างแพง
        
                      ในการที่ไม่มีปะการังในตู้ปลากลุ่มนี้ใช่ว่าแสงสว่างจะไม่สำคัญเพราะปลาก็ต้องการแสงสว่างเช่นกัน เนื่องจากปลาจะใช้แสงสว่างมาสังเคราะห์แคลเซียมภายในร่างกาย ทำปลามีสุขภาพที่แข็งแรงมีสีสันที่สวยงามและไม่มีความเครียดในตู้เลี้ยง แต่ทว่าในปลาในกลุ่มนี้ทุกชนิดจะสามารถที่จะนำมาเลี้ยงในตู้ได้ เนื่องจากแต่ละชนิดจะมีความต้องการที่แตกต่างกัน ดังนั้นเรามาศึกษาข้อมูลของปลากลุ่มนี้แต่ละชนิดกันจะของยกตัวอย่างชนิดที่สำคัญๆและพบบ่อย ซึ่งจะได้ช่วยลดการสูญเสียโดยใช่เหตุ งั้นเรามาเริ่มกันเลยครับ


ปลาผีเสื้อลายไขว้ 
(Threadfin Butterflyfish or Auriga Butterflyfish)lg-67922-auriga-butterfly2[1].jpg

ชื่อวิทยาศาสตร์  :  Chaetodon auriga
ชื่อสามัญ            :  Threadfin Butterflyfishแหล่งกำเนิด       :  ช่วงตั้งแต่แอฟริกาตะวันออกผ่านมหาสมุทรอินเดียและมหาสมุทรแปซิฟิก ในประเทศไทยพบได้ทางแถบทะเลฝังอันดามันลักษณะ              :  เป็นปลาที่มีความสวยงาม รูปร่างค่อนข้างเป็นสี่เหลี่ยม มีปากยืนยาวเล็กน้อย สีลำตัวเป็นสีขาวอมฟ้า มีพื้นสีดำพาดจากใต้แก้มถึงลูกตาและมีลายสีดำพาดทแยงกันสองช่วงของลำตัว ด้านท้ายลำตัวมีสีเหลืองสด มีจุดที่ปลายครีบส่วนหาง ในตัวผู้จะมีเส้นเรียวยาวกว่าตัวเมีย
ขนาด                  : 
17 cm (6 3/4 in)
ความยากง่ายในการเลี้ยง  : ยาก 
อาหาร                :  โพลิปของปะการัง ดอกไม้ทะเล หนอนท่อทะเล หอย อาหารเม็ดสำเร็จรูป(มีเปอร์เซ็นต์กินอาหารเม็ดน้อยมาก)คุณภาพน้ำที่เหมาะสม  : 
อุณหภูมิ 26-28 องศาC(79 -82 องศา F)   pH 8.2 - 8.3   ความเค็ม 1.021 - 1.024
พฤติกรรม          :  อยู่ลำพังหรือเป็นฝูง มีอาณาเขต   
ถิ่นอาศัย             : แนวปะการัง ตามโขดหินกองหิน
ความเป็นมิตรกับปะการัง  :  ไม่เป็นมิตร


ปลาผีเสื้ออานดำ (Saddleback Butterflyfish)
ชื่อวิทยาศาสตร์   :  Chaetodon ephippium
ชื่อสามัญ             : Saddleback Butterflyfish
แหล่งกำเนิด       : ช่วงตั้งแต่แอฟริกาตะวันออกผ่านมหาสมุทรอินเดียและมหาสมุทรแปซิฟิก ในประเทศไทยพบได้ทางแถบทะเลฝังอันดามันลักษณะ               : รูปร่างค่อนข้างเป็นสี่เหลี่ยม มีปากยืนยาวเล็กน้อย ส่วนของปลายครีบหลังยื่นยาว ปากมีสีเหลืองเข้มยาวผ่านคอ ลำตัวมีสีฟ้าเทา ส่วนหลังมีแถบสีดำขนาดใหญ่โค้งถึงครีบหลังเป็นรูปวงรี มีแถบหนาสีขาวล้อมรอบ คอดหางมีสีส้ม หางมีสีน้ำเงินคล้ำ
ขนาด                   : 17 cm (6 3/4 in)
ความยากง่ายในการเลี้ยง  : ยาก 
อาหาร                  :  โพลิปของปะการัง ดอกไม้ทะเล หนอนท่อทะเล หอย อาหารเม็ดสำเร็จรูป(มีเปอร์เซ็นต์กินอาหารเม็ดน้อยมาก)คุณภาพน้ำที่เหมาะสม  : 
อุณหภูมิ 26-28 องศาC(79 -82 องศา F)   pH 8.2 - 8.3   ความเค็ม 1.021 - 1.024
พฤติกรรม            :  อยู่ลำพังหรือเป็นฝูง มีอาณาเขต หรืออาจอยู่เป็นคู่ 
ถิ่นอาศัย               : แนวปะการัง ตามโขดหินกองหิน
ความเป็นมิตรกับปะการัง  :  ไม่เป็นมิตร

ปลาผีเสื้อลายบั้ง (Falcula Butterflyfish)


ชื่อวิทยาศาสตร์  :  Chaetodon falcula
ชื่อสามัญ           :  
Falcula Butterflyfish
แหล่งกำเนิด       : ช่วงตั้งแต่แอฟริกาตะวันออกผ่านมหาสมุทรอินเดียและมหาสมุทรแปซิฟิกอินโดนีเซียและมัลดีฟส์ ในประเทศไทยพบน้อยมากทางแถบทะเลฝังอันดามัน 
ลักษณะ             : รูปร่างค่อนข้างกลม มีปากยืนยาว หน้ามีแถบสีดำลากผ่านตาลำตัวสีฟ้าอ่อนหรือเทา มีบั้งเป็นเส้นสีดำประมาณ 10-11 เส้น ส่วนหลังมีปื้นสีดำสองปื้นลำตัวด้านบนและครีบหลังมีสีเหลืองสดไปถึงครีบก้น คอดหางมีคาดสีดำ ขอบครีบของหางใส
ขนาด               : 
18 cm (7 in)
ความยากง่ายในการเลี้ยง  : ยาก
อาหาร              : 
หอย หนอนทะเลยากที่จะสามารถที่จะกินอาหารเม็ด
คุณภาพน้ำที่เหมาะสม  : อุณหภูมิ 26-28 องศาC(79-82 องศา F)   pH 8.2 - 8.3   ความเค็ม 1.021 - 1.024
พฤติกรรม         :  อยู่เป็นคู่ หรือเป็นฝูงเล็กๆ
ถิ่นอาศัย           : แนวปะการังตอนลึก
ความเป็นมิตรกับปะการัง  : ไม่เป็นมิตร

ปลาผีเสื้อปากยาวขอบตาขาวหรือ ผีเสื้อลองโนส
(Yellow Longnose Butterflyfish)
ชื่อวิทยาศาสตร์  :  Forcipigerflavissimus
ชื่อสามัญ           : Yellow Longnose Butterflyfish
แหล่งกำเนิด       :  ทางเหนือและตะวันตกของมหาสมุทรอินเดีย แอฟริกาตะวันออกและทางมหาสมุทรแปซิฟิกในประเทศไทยพบน้อยมากทางแถบทะเลฝังอันดามัน
ลักษณะ             :  เป็นปลาที่มีปากที่ยาวมากครีบ ขอบตาล่างหลังตอนหน้ามีก้านครบยาวลำตัวสีเหลืองสด หน้าและหัวมีสีคล้ำถึงครึ่งบนลูกตาขอบตาด้านล่างขาวถึงจะงอยปากและข้างแก้ม มีจุดดำตรงด้านท้ายครีบก้น ครีบหางใส
ขนาด                : 
27 cm (10 3/4 in)
ความยากง่ายในการเลี้ยง  : ยาก
อาหาร              :  
โพลิปของปะการังดอกไม้ทะเล หอย หนอนทะเล อาหารเม็ดสำเร็จรูป(มีเปอร์เซ็นต์กินอาหารเม็ดน้อยมาก)
คุณภาพน้ำที่เหมาะสม  : อุณหภูมิ 26-28 องศาC(79-82 องศา F)   pH 8.2 - 8.3   ความเค็ม 1.021 - 1.024
พฤติกรรม         :  อยู่เป็นคู่ หรือเป็นฝูงเล็กๆ
ถิ่นอาศัย           :  แนวปะการังชายฝั่ง
ความเป็นมิตรกับปะการัง  :  ไม่เป็นมิตร

ปลาผีเสื้อคอขาว (Collared Butterflyfish)

ชื่อวิทยาศาสตร์  :  
ชื่อสามัญ           :  Collared Butterflyfish
แหล่งกำเนิด       :  ทางแอฟริกาตะวันออก อินโดนีเซียทางเหนือของญี่ปุ่น และทางตะวันตกของออสเตเรีย ในประเทศไทยพบชุกชุมทั้งฝั่งอ่าวไทยและฝั่งอันดามัน 
ลักษณะ             : เป็นปลาที่มีรูปร่างค่อนข้างกลมปากสั่น เกล็ดใหญ่ หน้าและหัวมีลายพาดขาว ตามีคาดดำ ลำตัวมีสีเทาคล้ำมีลายพาดสีดำที่ขอบเกล็ด ครีบหลังมีขลิบสีส้มและขาว ครีบหางสีแดงอมส้มมีขอบสีดำและสีจาง
ขนาด                : 18 cm (7 in)
ความยากง่ายในการเลี้ยง  : ยาก
อาหาร              :   โพลิปของปะการัง อาหารเม็ดสำเร็จรูป(มีเปอร์เซ็นต์กินอาหารเม็ดน้อยมาก)
คุณภาพน้ำที่เหมาะสม  : อุณหภูมิ26-28 องศาC(79 -82 องศา F)  pH 8.2 - 8.3   ความเค็ม 1.021 - 1.024
พฤติกรรม          :  อยู่เป็นฝูงเล็กๆ   
ถิ่นอาศัย            : แนวปะการังชายฝั่ง
ความเป็นมิตรกับปะการัง :  ไม่เป็นมิตร